Compound Sentence คือ ประโยคประสม

พฤษภาคม 5, 2015
By

compound sentence คือ อะไรCompound Sentence คือ อะไร ตอบ Compound Sentence คือ ประโยคประสม หมายถึง ประโยคที่ประกอบด้วย Simple sentences 2 ประโยคมารวมกันโดยอาศัย ตัวเชื่อม เป็นแกนนำ การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษนิยมการแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความคิด จึงมักมีการเชื่อมความในลักษณะของคำ กลุ่มคำ หรือประโยคเข้าด้วยกัน โดยใช้คำเชื่อมความประเภทต่าง ๆ เราเรียกว่า compound sentence

1. Combining Simple Sentences to Make Compound Sentences compound sentence หรือประโยคประสม คือประโยคที่ประกอบด้วยประโยคย่อยอิสระ ( independent clause) ซึ่งเป็นประโยคความเดียว ( simple sentence) ที่มีความหมายเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันตั้งแต่ 2 ประโยคขึ้นไป รวมกันเป็นประโยคเดียวโดยในการเชื่อมความ อาจใช้ ( 1) เครื่องหมายอัฒภาค หรือ semi-colon (;) (2) คำสันธานประเภท coordinating conjunction ซึ่งเป็นคำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคที่สมบูรณ์สองประโยคเข้าด้วยกัน หรือ ( 3) คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ในการเชื่อมความ ( conjunctive adverb) ดังตัวอย่าง

simple sentence:

Laura works forty hours a week.

simple sentence:

She goes to school at night.

compound sentence:

(1) Laura works forty hours a week; she goes to school at night.

(2) Laura works forty hours a week, and she goes to school at night.

(3) Laura works forty hours a week; thus , she goes to school at night.

1.1 Connecting Sentences with Semi-colons (;)    

        ประโยคย่อยอิสระซึ่งเป็นประโยคความเดียวที่มีความหมายเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมากกว่าหนึ่งประโยค สามารถรวมให้เป็นประโยคเดียวโดยการใช้เครื่องหมายอัฒภาคหรือ semicolon (;) ดังตัวอย่างต่อไปนี้

        I do not like him; he complains all the time.
She understood the situation; her sister did, too.

        I feel sorry for Henry; he’s not good at anything.

        Money isn’t important; you can’t buy happiness.

        Here’s the report; I’ve been reading it all morning.

        I’ve just inspected that batch; the customer is certainly not going to accept it.

        Smart employers do not just use ads to attract recruits; they also use them to create the
company image they want to project.

        The emphasis on strategic human resource management is one change in what human resource
managers do; a focus on productivity and performance is another.

    1.2  Connecting Sentences with Coordinating Conjunctions

        ประโยคย่อยอิสระซึ่งเป็นประโยคความเดียวที่มีความหมายเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมากกว่าหนึ่งประโยค สามารถรวมให้เป็นประโยคเดียวโดยการใช้คำสันธานประเภท coordinating conjunction อาทิ and, but, yet, or, nor, for, so ซึ่งเป็นคำสันธานที่ใช้เชื่อมประโยคที่สมบูรณ์สองประโยคเข้าด้วยกัน ( นักศึกษาสามารถศึกษาทบทวนเกี่ยวกับ coordinating conjunctions ได้จากโมดูลที่ 6 Connectors) ในการใช้คำสันธานเชื่อมความเหล่านี้ นิยมใส่เครื่องหมายจุลภาคหรือ comma (,) หน้าคำสันธานเชื่อมประโยคย่อยอิสระ เพื่อช่วยในการแบ่งข้อความแต่ละส่วนให้เกิดความชัดเจนและอ่านเข้าใจง่าย บางกรณีการละเครื่องหมาย comma อาจทำให้สับสนและเข้าใจเนื้อหาสาระ
คลาดเคลื่อนได้

        1) connecting sentences with ‘and’ (showing addition = และ) เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะของการเสริมความกัน คล้อยตาม หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

            My mother does not like ham, and eggs make her sick.

            ( แม่ของฉันไม่ชอบแฮมและไข่ก็ทำให้เธอรู้สึกคลื่นเหียนด้วย)

            The negotiations went quite well, and they will accept our price.

            ( การเจรจาต่อรองเป็นไปได้ด้วยดีทีเดียวและพวกเขาจะตกลงยอมรับราคาของเรา)

            Everything is ready at the new offices, and we’re moving in next week.

            ( ทุกสิ่งทุกอย่างที่สำนักงานแห่งใหม่พร้อมแล้วและเรากำลังจะย้ายเข้าในสัปดาห์หน้านี้)

            Bill went with us to the movie, and Nancy joined us later at the cinema.

            ( บิลไปชมภาพยนตร์กับเราและแนนซี่ก็ตามไปที่โรงภาพยนตร์ด้วย)

            We made a loss last year, and we decided to review our policy.

            ( เราขาดทุนเมื่อปีที่ผ่านมาและเราก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทบทวนนโยบายของเรา)

        2) connecting sentences with ‘but’ (showing contrast = แต่) เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะของการขัดแย้งกันหรือเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกัน

            I understood it, but it was hard to explain.

            ( ฉันเข้าใจมัน แต่มันก็ยากที่จะอธิบาย)

            Natalie looked for her watch, but she couldn’t find it.

            ( นาตาลีมองหานาฬิกาข้อมือของเธอ แต่เธอก็หามันไม่พบ)

            It’s a very attractive offer, but I’m going to have to turn it down.

            ( มันเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจมาก แต่ว่าฉันก็จะต้องปฏิเสธมันไป)

            I like working fixed hours, but my staff prefer working flexitime.

            ( ฉันชอบการทำงานที่มีการกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอนตายตัว แต่เจ้าหน้าที่/บุคลากรของฉันชอบ

            การทำงานที่สามารถเลือกเวลาการทำงานได้เองมากกว่า คำว่า flexitime เป็นการใช้คำตามแบบอังกฤษ

            อเมริกันจะใช้ flextime)

            They will accept our price, but they refused the 30-day clause of the payment term.

            ( พวกเขาจะตกลงยอมรับราคาของเรา แต่พวกเขาได้ปฏิเสธเงื่อนไขการชำระเงินภายใน 30 วัน)

        3) connecting sentences with ‘yet’ (showing contrast = ถึงกระนั้นก็ตาม แต่ก็ แต่กระนั้น) เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความที่ขัดแย้งกัน

            Frank was discouraged, yet he did not give up.

            ( แฟรงก์รู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ ถึงกระนั้นก็ตาม เขาก็ไม่ยอมแพ้)

            We have reduced our price, yet sales are still down.

            ( เราได้ลดราคาลงแล้ว แต่กระนั้นยอดขายก็ยังต่ำอยู่)

            This hospital lacks nurses, yet it provides excellent service to its patients.

            ( โรงพยาบาลแห่งนี้ขาดแคลนพยาบาล แต่กระนั้นก็ยังสามารถให้บริการที่ยอดเยี่ยมแก่คนไข้ได้)

            My mother is always very busy with her work, yet she takes great care of me.

            ( แม่ของฉันงานยุ่งมากอยู่เสมอ ถึงกระนั้นก็ตาม ท่านก็ดูแลฉันเป็นอย่างดียิ่ง)

            I was so exhausted last night, yet I tried to finish writing up my new project proposal.

            ( ฉันรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียมากเมื่อคืนนี้ แต่กระนั้นฉันก็ได้พยายามเขียนข้อเสนอ

            โครงการใหม่จนแล้วเสร็จ)

        4) connecting sentences with ‘or’ (giving a choice = หรือ หรือมิฉะนั้น)

            เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะที่เป็นการให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง กล่าวคือ หากไม่เป็นไปตามประโยคหรือข้อความแรก ก็จะเป็นไปตามประโยคหรือข้อความหลัง

            You can go with them, or you can stay here.

            ( คุณจะไปกับพวกเขาหรือคุณจะอยู่ที่นี่ก็ได้)

            We must study hard, or we may fail the final examination.

            ( เราต้องเรียนหนักหรือมิฉะนั้นเราจะสอบไล่ไม่ผ่าน)

            I will arrange a taxi for you, or one of my colleagues will.

            ( ฉันจะจัดการเรียกรถแท๊กซี่ให้คุณหรือมิฉะนั้นเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของฉันจะจัดการให้)

        5) connecting sentences with ‘nor’ (showing negative of both events = และไม่)

            เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะที่เป็นเชิงปฏิเสธทั้งสองประโยค ขอให้สังเกตว่า เมื่อใช้ nor ซึ่งเป็นคำสันธานเชิงปฏิเสธนำหน้าประโยคที่สองเพื่อเชื่อมความเข้ากับประโยคแรกแล้วนั้น ในประโยคที่สองจะต้องอยู่ในโครงสร้างแบบประโยคคำถาม กล่าวคือ มีการสลับที่ระหว่างประธานกับกริยา กรณีที่มีกริยาช่วย กริยาช่วยจะวางไว้หน้าประธาน

            He will not go abroad, nor will he furthe r his studies. ( He will not go abroad. He will not

            further his studies. เขาจะไม่ไปต่างประเทศและเขาจะไม่ศึกษาต่อ)

            I did not have breakfast today , nor did I stop for lunch. ( I did not have breakfast today.

            I did not stop for lunch. ฉันไม่ได้รับประทานอาหารเช้าวันนี้และฉันก็ไม่ได้หยุดเพื่อ

            รับประทานอาหารกลางวัน)

            I can’t remember his name, nor can I remember his nationality. ( I can’t remember

            his name. I can’t remember his nationality. ฉันจำชื่อของเขาไม่ได้ และฉันก็จำสัญชาติ

            ของเขาไม่ได้ด้วย)

            Alice will not study her lessons, nor will she do her homework. ( Alice will not study her

            lessons. Alice (She) will not do her homework. อลิซจะไม่ศึกษาบทเรียนและเธอก็จะ

            ไม่ทำการบ้านของเธอ)

        6) connecting sentences with ‘for’ (giving a cause = because เพราะ)

            เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะที่เป็นเหตุเป็นผลแก่กัน ข้อความในประโยคแรกแสดงผล ข้อความที่นำหน้าด้วยคำสันธาน for แสดงเหตุ

            Tony is rich, for he saves a lot.

            ( โทนี่รวย เพราะเขาออมเงินไว้มาก)

            I stopped working on the report, for I was tired.

            ( ฉันหยุดทำรายงาน เพราะฉันรู้สึกเหนื่อย)

            We must do something about Cathy, for she seems very unhappy.

            ( เราต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับแคธี่ เพราะเธอดูไม่มีความสุขมากนัก)

            The matter creates some difficulty, for present-day scholars are not in accord with it.

            ( เรื่องนี้ก่อให้เกิดความยุ่งยากบางประการ เพราะนักวิชาการในปัจจุบันนี้ไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว)

            I’m afraid you can’t speak to Mr. Griffiths now, for he’s in a meeting.

            ( ฉันเกรงว่าคุณจะไม่สามารถพูดกับคุณกริฟฟิธส์ได้ในตอนนี้ เพราะเขากำลังประชุมอยู่)

        7) connecting sentences with ‘so’ (showing result = ดังนั้น)

            เป็นการเชื่อมประโยคที่มีข้อความในลักษณะที่เป็นเหตุเป็นผลแก่กัน ข้อความในประโยคแรกแสดงเหตุ ข้อความที่นำหน้าด้วยคำสันธาน so แสดงผล

            He cheated on her, so she broke up with him.

            ( เขานอกใจเธอ ดังนั้นเธอจึงได้เลิกกับเขา)

            This matter is not urgent, so we can discuss it at our next meeting.

            ( เรื่องนี้ไม่ด่วน ดังนั้นเราสามารถหารือเรื่องนี้ในการประชุมคราวหน้าได้)

            This is a very busy period for us, so we need to speed up production.

            ( นี่เป็นช่วงที่ยุ่งมากสำหรับเรา ดังนั้นเราจำเป็นต้องเร่งการผลิต)

            My husband has just received the bad news, so I’ve got to see him right away.

            ( สามีของฉันเพิ่งได้รับข่าวร้าย ดังนั้นฉันจะต้องรีบไปดูเขาทันที)

  1.3 Connecting Sentences with Conjunctive Adverbs    

        ประโยคย่อยอิสระซึ่งเป็นประโยคความเดียวที่มีความหมายเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมากกว่าหนึ่งประโยค
สามารถรวมให้เป็นประโยคเดียวโดยการใช้คำกริยาวิเศษณ์ที่ใช้ในการเชื่อมความ (conjunctive adverb)

        นักศึกษาสามารถศึกษาทบทวนเกี่ยวกับ conjunctive adverb ที่ใช้นำหน้าข้อความที่แสดงจุดประสงค์เพื่อเสริมความ แสดงความขัดแย้ง แสดงทางเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แสดงเหตุผล แสดงการยกตัวอย่าง แสดงการเน้น พูดซ้ำความเดิมเพื่ออธิบายให้เข้าใจยิ่งขึ้น แสดงการสรุป แสดงการเปรียบเทียบ และแสดงลำดับเวลา ได้จากโมดูลที่ 6 Connectors อย่างไรก็ดี ตัวอย่างที่นำเสนอในโมดูลที่ 6 บางส่วนจะเป็นการนำเสนอการแสดงความสัมพันธ์ของประโยคมากกว่าหนึ่งประโยค โดยไม่ได้รวมให้เป็น compound sentence เพียงประโยคเดียว เพราะบางครั้งการเขียนรวมกันเป็นประโยคเดียวอาจทำให้ประโยคยาวเกินไปและไม่เป็นธรรมชาติมากนัก

        ในโมดูลนี้จะไม่นำเสนอคำอธิบายเกี่ยวกับ conjunctive adverb โดยละเอียดซ้ำอีก แต่จะเน้นการยกตัวอย่างของ compound sentence ที่ใช้ conjunctive adverb ต่าง ๆ กันไปเท่านั้น ในการเชื่อมความประเภทนี้นิยมใส่เครื่องหมายอัฒภาคหรือ semicolon (;) ข้างหน้าและใส่เครื่องหมายจุลภาคหรือ comma (,) ข้างหลัง conjunctive adverb เพื่อช่วยในการแบ่งข้อความแต่ละส่วนให้เกิดความชัดเจนและอ่านเข้าใจง่าย ดังตัวอย่างต่อไปนี้

        Rob is handsome; moreover , he is very helpful.
( ร็อบเป็นคนหล่อ ยิ่งกว่านั้นเขาเป็นคนที่เต็มใจช่วยเหลืออย่างมาก)
ประโยคนี้ใช้ moreover เพื่อแสดงการเสริมความกัน คล้อยตาม หรือเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

             มีความหมายว่า ‘ นอกจากนั้น ยิ่งกว่านั้น ‘ เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น

             besides, furthermore, in addition เป็นต้น

             ขอให้เปรียบเทียบกับการใช้ coordinating conjunction and

 

Frank was discouraged; however , he did not give up.
( แฟรงก์รู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจ แต่ทว่าเขาก็ไม่ยอมแพ้)
ประโยคนี้ใช้ however เพื่อแสดงข้อความที่ขัดแย้งกัน มีความหมายว่า ‘ อย่างไรก็ตาม แต่ว่า ทว่า ‘

เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น nevertheless, nonetheless, on the contrary เป็นต้น

ขอให้เปรียบเทียบกับการใช้ coordinating conjunction yet

 

We must study hard; otherwise , we may fail the final examination.
( เราต้องเรียนหนัก มิฉะนั้นเราจะสอบไล่ไม่ผ่าน)
ประโยคนี้ใช้ otherwise เพื่อแสดงทางเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง มีความหมายว่า ‘ มิฉะนั้น ‘

เช่นเดียวกับคำว่า or else, if not ขอให้เปรียบเทียบกับการใช้ coordinating conjunction or

 

Josh wasn’t qualified for the job; therefore , he didn’t get it.
( จ๊อชไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับงาน ดังนั้น เขาจึงไม่ได้งาน)
ประโยคนี้ใช้ therefore เพื่อแสดงเหตุผล มีความหมายว่า ‘ ดังนั้น ‘ เช่นเดียวกับคำในกลุ่มของ

thus, accordingly, consequently, as a result, for this reason, hence ขอให้เปรียบเทียบกับการใช้

coordinating conjunction so

 

A few simple precautions can be taken; for example , ensuring that desks are the right height.
( เราอาจดำเนินการป้องกันไว้ล่วงหน้าอย่างง่ายๆ สักสองสามประการ ตัวอย่างเช่น

ทำให้แน่ใจว่าโต๊ะมีระดับความสูงที่ถูกต้อง)
ประโยคนี้ใช้ for example เพื่อแสดงการยกตัวอย่าง มีความหมายว่า ‘ ตัวอย่างเช่น ‘

เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น for instance, namely, in particular เป็นต้น

 

Joan Davis didn’t go to university; in fact , she left school at 16.
( โจน เดวิส ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย อันที่จริงแล้ว เธอออกจากโรงเรียนตอนอายุ 16 ปี)
ประโยคนี้ใช้ in fact เพื่อแสดงการเน้น มีความหมายว่า ‘ อันที่จริงแล้ว แท้จริงแล้ว ‘

เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น actually, indeed, as a matter of fact เป็นต้น

 

I can’t eat, I can’t sleep, and I can’t work; in other words , all I think about is you.

( ฉันกินไม่ได้ (ฉัน)นอนไม่หลับ และ(ฉัน)ทำงานไม่ได้ อีกนัยหนึ่งคือ สิ่งเดียวที่ฉันนึกถึงก็คือคุณ)
ประโยคนี้ใช้ in other words เพื่อพูดซ้ำความเดิมเพื่ออธิบายให้เข้าใจยิ่งขึ้น มีความหมายว่า ‘ อีกนัยหนึ่ง              กล่าวอีกอย่างหนึ่งได้ว่า นั่นคือ ‘ เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น that is, that is to say เป็นต้น

 

This book has a lot of useful information for those who want to learn about watching birds;

in brief , it is a good introduction to bird watching.
( หนังสือเล่มนี้มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายสำหรับคนที่ชอบเรียนรู้เกี่ยวกับการดูนก กล่าวโดยสรุปได้ว่า              หนังสือเล่มนี้เป็นการแนะนำที่ดีเกี่ยวกับการดูนก)
ประโยคนี้ใช้ in brief เพื่อแสดงการสรุป มีความหมายว่า ‘ กล่าวโดยสรุป กล่าวอย่างสั้น ๆ ได้ว่า ‘

เช่นเดียวกับคำอื่นในกลุ่มเดียวกัน เช่น in short, in conclusion, in summary, in a word เป็นต้น

 

Pim loves going to parties; similarly , her brother always hangs out with his friends.
( พิมชอบการไปงานเลี้ยงมากจริงๆ และเช่นเดียวกัน น้องชายของเธอมักออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ

ของเขาอยู่เสมอ)
ประโยคนี้ใช้ similarly เพื่อแสดงการเปรียบเทียบหรือเปรียบเหมือน ( showing comparison)

มีความหมายว่า ‘ เช่นเดียวกัน ‘ เช่นเดียวกับการใช้คำอื่นในกลุ่ม เช่น likewise, in the same manner,
in the same way เป็นต้น

 

I want to be able to speak English fluently for my trip to London; meanwhile , I practice

speaking it every day.
( ฉันต้องการจะพูดภาษาอังกฤษให้คล่องเพื่อการเดินทางไปยังกรุงลอนดอนของฉัน ในขณะเดียวกัน

ฉันฝึกพูดภาษาอังกฤษทุกวัน)
ประโยคนี้ใช้ meanwhile เพื่อแสดงลำดับเวลา มีความหมายว่า ‘ ในระหว่างนั้น ในขณะเดียวกันนั้น ‘ คำกริยาวิเศษณ์แสดงลำดับเวลาอื่น ๆ เช่น first, next, lastly, finally, then เป็นต้น

2. Avoiding Comma Splices and Run-on Sentence

       ปัญหาทางไวยากรณ์ที่มักพบบ่อยและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหลีกเลี่ยงในการแสดงความสัมพันธ์

ระหว่างความคิดและการเชื่อมความให้เป็น compound sentence คือ comma splices และ run-on sentences
ทั้งนี้การแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าว เพื่อทำให้เป็นประโยคที่ถูกต้องสามารถกระทำได้หลายวิธีด้วยกัน

         2.1 Avoiding Comma Splices
          comma splices ( บางครั้งอาจเรียกกันว่า comma faults) หมายถึง การใช้ comma (,) เชื่อมประโยคย่อยอิสระสองประโยค จึงทำให้ผิดไวยากรณ์ ขอให้นักศึกษาพิจารณาประโยคที่เป็น comma splices ที่กำหนดให้ว่าจะสามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้อย่างไร
         Pete is watching TV, his wife is sleeping.
         Lila wants to be a full-time student, she has to work to support her family.
         The apartment is great, I really like my new roommate.
         My husband and I usually go to a party on Friday night, we go to the movies.
         Bob wants to get a job as a programmer, he still has several courses to take.
         นักศึกษาจะเห็นได้ว่าประโยคข้างต้นเป็นตัวอย่างของการรวมประโยคเป็น compound sentence ที่ไม่ถูกต้อง เพราะใช้เครื่องหมาย comma เชื่อมประโยคย่อยอิสระสองประโยคเข้าเป็นประโยคเดียว  จึงทำให้ผิดไวยากรณ์ เรียกว่าเป็น comma splices ขอให้ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างตัวอย่างประโยคที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องต่อไปนี้

——————————————————————————————————–

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/incorrect.gifPete is watching TV, his wife is sleeping.

                                              http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/arrow_up.gif

                            comma splice

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifPete is watching TV ; his wife is sleeping.

—————————————————————————————————————————-

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/incorrect.gifLila wants to be a full-time student, she has to work to support her family.

                                                                      http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/arrow_up.gif

                                                comma splice

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifLila wants to be a full-time student , but she has to work to support her family.

——————————————————————————————————–

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/incorrect.gifThe apartment is great, I really like my new roommate.
                                                    http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/arrow_up.gif

                                          comma splice
         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifThe apartment is great , and I really like my new roommate.
——————————————————————————————————–

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/incorrect.gifMy husband and I usually go to a party on Friday night, we go to the movies.
                                                                                                        http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/arrow_up.gif

                                                                                             comma splice
         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifMy husband and I usually go to a party on Friday night , or we go to the movies.
——————————————————————————————————–

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/incorrect.gifBob wants to get a job as a programmer, he still has several courses to take.
                                                                                  http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/arrow_up.gif

                                                                       comma splice
         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifBob wants to get a job as a programmer ; however, he still has several courses to take.

——————————————————————————————————–

         ข้อผิดพลาดด้าน comma splices นี้สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้หลายวิธีดังต่อไปนี้คือ

       1) แยกประโยคหลักออกเป็นสองประโยคต่างหาก โดยจบประโยคแรกด้วยเครื่องหมาย full stop และเริ่มประโยคที่สองด้วยอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ ( capital letter)

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifBob wants to get a job as a programmer .  He still has several courses to take.

       2) ใช้เครื่องหมาย semi-colon (;) แทน comma

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifBob wants to get a job as a programmer ; he still has several courses to take.

       3) เติม coordinating conjunction หลัง comma

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifBob wants to get a job as a programmer , but he still has several courses to take.
4)  เติม conjunctive adverb
         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifBob wants to get a job as a programmer ; however, he still has several courses to take.
         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifBob wants to get a job as a programmer . However, he still has several courses to take.

2.2 Avoiding Run-on Sentences
         run-on sentences หมายถึง ประโยคย่อยอิสระสองประโยคที่รวมเข้าด้วยกันโดย

ไม่มีเครื่องหมายวรรคตอนหรือคำเชื่อมระหว่างกัน จึงทำให้ผิดไวยากรณ์และสื่อความหมายไม่ชัดเจน ขอให้นักศึกษาพิจารณาประโยคที่เป็น run-on sentences ที่กำหนดให้ว่าจะสามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้อย่างไร
                    My friends and I start work at 8:30 every morning we get off work at 4:30 every day.
                    This job has many fringe benefits it is very difficult to get.
                    He hurt his leg he managed to win the race.
                    He was angry with me I was late.
                    The glasses were very full Susan carried them very carefully.
         นักศึกษาจะเห็นได้ว่าประโยคข้างต้นเป็นตัวอย่างของการรวมประโยคย่อยอิสระสองประโยคเข้าด้วยกัน โดยไม่มีเครื่องหมายวรรคตอนหรือคำเชื่อมระหว่างกัน จึงทำให้ผิดไวยากรณ์และสื่อความหมายไม่ชัดเจน เรียกว่าเป็น run-on sentences ขอให้ศึกษาเปรียบเทียบระหว่างประโยคที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องของประโยคตัวอย่างต่อไปนี้
——————————————————————————————————–

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/incorrect.gifMy friends and I start work at 8:30 every morning we get off work at 4:30 every day.
                                                                                                 http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/arrow_up.gif

                                                                                   run-on sentence
          http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifMy friends and I start work at 8:30 every morning , and we get off work at 4:30 every day.
——————————————————————————————————–

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/incorrect.gifThis job has many fringe benefits it is very difficult to get.
                                                                     http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/arrow_up.gif

                                                        run-on sentence
          http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifThis job has many fringe benefits , but it is very difficult to get.
——————————————————————————————————–

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/incorrect.gifHe hurt his leg he managed to win the race.
                                       http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/arrow_up.gif

                         run-on sentence
          http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifHe hurt his leg , yet he managed to win the race.
——————————————————————————————————–

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/incorrect.gifHe was angry with me I was late.
                                                    http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/arrow_up.gif

                                       run-on sentence
          http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifHe was angry with me , for I was late.
——————————————————————————————————–

         http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/incorrect.gifThe glasses were very full Susan carried them very carefully.
                                                          http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/arrow_up.gif

                                            run-on sentence
          http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifThe glasses were very full , so Susan carried them very carefully.

——————————————————————————————————–

         ข้อผิดพลาดด้าน run-on sentences นี้สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้หลายวิธีดังต่อไปนี้คือ

         1) แยกประโยคหลักออกเป็นสองประโยคต่างหาก โดยจบประโยคแรกด้วยเครื่องหมาย full stop และเริ่มประโยคที่สองด้วยอักษรตัวพิมพ์ใหญ่ ( capital letter)

          http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifThe glasses were very full .  Susan carried them very carefully.

         2) ใช้เครื่องหมาย semi-colon (;) แทน comma

          http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifThe glasses were very full ; Susan carried them very carefully.

         3) เติม coordinating conjunction หลัง comma

          http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifThe glasses were very full , so Susan carried them very carefully.
         4)  เติม conjunctive adverb
          http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifThe glasses were very full ; therefore, Susan carried them very carefully.
          http://www.stou.ac.th/schools/sla/b.a.english/D4LP/14212/Module9/images/correct1.gifThe glasses were very full . Therefore, Susan carried them very carefully.

3 Omitting Repeated Words After ‘and’

         เมื่อใช้คำสันธาน and ในการรวมประโยคย่อยอิสระซึ่งเป็นประโยคความเดียวที่มีความหมายเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันมากกว่าหนึ่งประโยคให้เป็น compound sentence เพียงประโยคเดียวแล้วนั้น ยังสามารถตัดคำซ้ำในประโยคหลังออก เช่น ประธาน กริยา และกริยาช่วย เพื่อให้ประโยคสั้นและกระชับ และเมื่อตัดคำซ้ำ เช่น ประธาน กริยา และกริยาช่วย ดังกล่าวออกแล้ว จะ ไม่ใช้ เครื่องหมาย comma หน้าคำสันธาน and

 

         3.1 Omitting  Repeated Subject

        My friends and I start work at 8:30 every morning , and we get off work at 4:30 every day.
         My friends and I start work at 8:30 every morning and get off work at 4:30 every day.

 

        The golf courses at our school are new this year , and they are already very popular.
         The golf courses at our school are new this year and are already very popular.

 

        3.2 Omitting Repeated Subject and Auxiliary Verb

        My brother is taking classes during the day , and he is working as a teaching assistant

             in the evening.
         My brother is taking classes during the day and working as a teaching assistant in the evening.

        I am taking an aerobics class , and I am enjoying it very much.
         I am taking an aerobics class and enjoying it very much.

 

         3.3 Omitting Repeated Subject and Verb

        The swimming pool opens at 9:00 on weekdays , and it opens at 7:30 on weekends.
         The swimming pool opens at 9:00 on weekdays and at 7:30 on weekends.

 

        Bob wants to study computer science , and he wants to work as a programmer.
         Bob wants to study computer science and work as a programmer.

 

        Exercise with music is healthy , and it’s a lot of fun.
         Exercise with music is healthy and a lot of fun.
 

        นอกเหนือจากการตัดคำซ้ำในประโยคที่สองหลังคำสันธาน ‘and’ ของ compound sentence แล้ว ยังสามารถตัดคำซ้ำในประโยคที่สองหลังคำสันธาน but, nor ได้อีกด้วย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
        Diet is one factor in how long people live , but it is not the only factor.
         Diet is one factor in how long people live , but not the only factor.

 

        Population growth has slowed in most countries , but it has not slowed enough to avoid problems.
         Population growth has slowed in most countries , but not enough to avoid problems.

 

        Too much sun damages the skin , but too little sun also causes health problems.
         Too much sun damages the skin , but too little also causes health problems.

 

        They do not eat a lot of red meat , nor do they eat many dairy products.
         They neither eat a lot of red meat nor many dairy products.

 

       That is not what I said , nor is it what I meant.
         That is neither what I said nor meant.

 

         ในการอ่านประโยคหรือข้อเขียนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยคหรือข้อเขียนที่มีการรวมความหรือรวมประโยค ตลอดจนมีส่วนขยายของส่วนประกอบต่างๆ ของประโยค ไม่ว่าจะเป็นส่วนประธาน ส่วนกริยา ส่วนกรรม ส่วนขยายของทั้งประโยค นักศึกษาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสามารถอ่านและวิเคราะห์หาส่วนประกอบต่างๆ ได้ เพื่อให้สามารถเข้าใจประโยคหรือข้อเขียนนั้นได้อย่างถ่องแท้ว่า ส่วนใดเป็นประธาน กริยา กรรม หรือส่วนขยาย เพื่อให้ทราบว่าใคร ทำอะไร หรือเกิดสิ่งใดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการละคำหรือข้อความบางส่วนออก ดังที่นำเสนอเป็นตัวอย่างไว้ข้างต้น

study square sf

Share and Enjoy

  • Facebook
  • Twitter
  • Delicious
  • LinkedIn
  • StumbleUpon
  • Add to favorites
  • Email
  • RSS

Comments

comments

Tags: , , , ,

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *


Line ID : krittapas_st

พฤศจิกายน 2024
พฤ อา
« ต.ค.    
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930  
                       

Credit ของ Study Square Co.,Ltd.

มหาวิทยาลัยใน AUS

สถาบันใน Sydney AUS

สถาบันใน Melbourne AUS

สถาบันใน Brisbane AUS



เว็บเพื่อนบ้าน

Line ID : krittapas_st

Blog